weekend-logo
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด

ใช้ชีวิตแบบ ‘ฮุกกะ’ ที่ Copenhagen ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด

27 พฤษภาคม 2568

จากการสำรวจของ World Happiness Rankings ปี 2024 ‘เดนมาร์ก’ กลับมาทวงตำแหน่งเมืองที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในโลก หลังจากที่ก่อนหน้านี้สลับกันชิงตำแหน่งอันดับ 1 กับ ‘ฟินแลนด์’ มาตลอดหลายปี นั่นทำให้เราตั้งใจเดินทางมาเที่ยว ‘โคเปนเฮเกน’ และทดลองใช้ชีวิตแบบ ‘ฮุกกะ’ ที่ว่ากันว่าเป็นสูตรสำเร็จของการทำให้คนเดนิชมีความสุขที่สุดในโลก

ก่อนมาเราได้อ่านหนังสือที่ชื่อว่า ‘The Little Book of Hygge’ หลายเรื่องในหนังสือทำให้เรามึนงงว่าคนเดนิชใช้ชีวิตแบบนี่จริงหรือ เมื่อมาสัมผัสจริงบอกเลยว่ายิ่งกว่าในหนังสือ การจุดเทียนกลางวันแบบแสงแดดส่อง กินแป้งมากกว่าโปรตีน หรือแม้แต่แก้ผ้าทุกที่ที่มีแดด แต่นั่นแหละมันคือความสุขในช่วงเวลาสั้นๆ ของซัมเมอร์ที่คนเดนิชกอบโกยก่อนที่ความหนาวอันยาวนานจะมาแทนที่


ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด

คนที่เคยไปโคเปนเฮเกนน่าจะทราบว่า คนเดนิชเลือกที่จะปั่นจักรยานมากกว่าการใช้รถเมล์ไฟฟ้าและรถใต้ดิน เนื่องจากขนส่งสาธารณะราคาค่อนข้างแพง ที่สำคัญถนนหนทางก็สะดวกต่อการปั่นจักรยาน หรือแม้แต่เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับคนเดินเท้า หรือ Walkable City อีกสิ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เมืองแห่งนี้มีความสุขที่สุดในโลกก็คือ รัฐสวัสดิการ ที่คนเดนิชได้รับหลังจากการจ่ายภาษีที่สูงในแต่ละปี รวมถึงการบริการจัดการขยะกับขยะของเมืองนี้ โดยมี Copenhill โรงเผาขยะที่ทำงานแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง

ที่นี่ยังเป็นปลายทางของ Foodie ทั่วโลกที่ตั้งใจเดินทางมากินอาหารทั้งเบเกอรีดัง ไล่ไปจนถึงร้านอาหารมิชลินอันดับต้นๆ ของโลก แน่นอนว่า Weekend ได้ทำ To do list มาให้แล้วสำหรับคนที่กำลังวางแผนเดินทางไปโคเปนเฮเกน


ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด

Alchemist

ร้านอาหารมิชลิน 2 ดาว พ่วงมิชลินรักษ์โลก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารจองยากร้านหนึ่งในโคเปนเฮเกน ที่มองผิวเผินเราจะเห็นว่าที่นี่ดูเหมือนร้านอาหารหรูทั่วไปที่ต้องใช้เวลากินยาวนานมากกว่า 5 ชั่วโมง แต่ถ้านั่งดูการฉายภาพอิมเมอร์ซีฟผ่านโดมของร้าน เราจะได้เห็นความพยายามของเชฟเจ้าของร้าน Rasmus Munk ที่พยายามบอกเล่าอีโคซิสเต็มของวงการอาหารที่สะท้อนออกมาพร้อมกับอาหารของเขาที่เชื่อว่า Peta น่าจะรักในไอเดียนี้ผ่านเมนูตีนไก่ หรือการจับมือเชิญชวนผู้คนไปบริจาคเลือดผ่าน QR บนขนมหยดเลือกที่เรายื่นความประสงค์บริจาคเลือดได้ น่าเสียดายที่ไม่มีของประเทศไทย

Bæst

ร้านพิซซาเรียที่ใครมาโคเปนเฮเกนต้องแวะมา มาที่นี่แนะนำให้สั่ง The BÆST Menu ที่คล้ายกับเทสติ้งเมนูที่ได้ทั้งโคลต์คัตและชีสที่ทางร้านทำเอง รวมถึงพิซซ่า ซึ่งทำให้ได้กินอาหารส่วนหนึ่งของร้านในคราวเดียว

Kiin Kiin Bao Bao

ร้านอาหารเอเชี่ยนในเครือเดียวกับร้านอาหารไทย Kiin Kiin ที่นี่เด่นเรื่องเมนคอร์ส อย่าง กวาเปาสไตล์ไต้หวัน มาที่นี่แนะนำให้เลือก Tasting Menu ที่มีทั้งสลัด ซุป เปา และของหวาน

Lille Bakery

ร้านเบเกอรีดังที่ต้องใช้ความพยายามเดินทางอยู่สักหน่อย เพราะอยู่ในโซน Refshalegen ใกล้กับ Reffen ตลาดนัดสตรีทฟู้ดที่เปิดเฉพาะฤดูร้อน ที่นี่เด่นเรื่องเบเกอรีที่ใช้วัตถุดิบส่งตรงจากฟาร์ม รวมถึงมีร้านชำที่ขายโยเกิร์ต แยม รวมถึงเนเชอรัลไวน์

Noma

ร้านอาหารอันดับ 1 ของโลกที่จะปิดตัวลงในปีนี้แล้วผันตัวไปเป็น Noma 3.0 เปลี่ยนจากร้านอาหารเดิมกลายเป็น Lab R&D หรือถ้าใครจองทัน Noma Kyoto ก็ขอแสดงความยินดีด้วย

Selma

ร้านอาหารรางวัล Bib Gourmand ที่เด่นเรื่องเมนู Smørrebrød หรือ แซนด์วิชหน้าเปิด ซึ่งร้านนี้จะทำออกมาในแบบโมเดิร์นมีทั้งขนมปังข้าวไรซ์ และซาร์วโดว์ ที่นำเอาเทคนิคการหมักดองปลาและผักมานำเสนอแซนวิชหน้าเปิด





ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด
ปั่นจักรยาน กินเบเกอรี และนอนอาบแดด

ARKEN Museum of Contemporary Art

พิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยรอบนอกของโคเปนเฮเกน ที่นี่รวมเอาผลงานของศิลปินเดนิช นอร์ดิค และศิลปินร่วมสมัยจากนานาชาติมากมาย รวมถึงจัดแสดงนิทรรศการศิลปะหมุนเวียนที่มีไฮไลต์เปลี่ยนในทุกเดือน

Circle Bridge

หนึ่งในงานสถาปัตยกรรมที่เป็นแลนด์มาร์กของเมือง สะพานสำหรับการสัญจรของคนเดินทางและปั่นจักรยานที่วงกลมสามารถหมุนให้เรือผ่านเส้นทางนี้ได้

Cisternerne

แกลเลอรีที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินของสวน Søndermarken ซึ่งนำเอาโครงสร้างเดิมในฐานะแหล่งเก็บน้ำใต้ดินของเมืองมาใส่ไลท์ติ้งและซาวด์ ให้เราเดินชม รอบที่เราไปเป็นทางเดินเหนือน้ำประกอบแสงและเสียง แต่ก่อนหน้านั้นเป็นพื้นที่จัดอินสตอเรชันอาร์ตรวมถึงเทศกาลดนตรีที่ใช้พื้นที่ใต้ดิน

Grundtvig's Church

งานสถาปัตยกรรมแบบ Expressionism ผสมกับ Gothic ด้านนอกดูตันส่วนภายในมาในโทนสีขาวสว่างและดูอ่อนโยนแตกต่างจากภายนอกที่ดูแข็งแกร่ง

HAY House

Flagship Store ของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติเดนมาร์กที่ดังไกลถึงกรุงเทพฯ และเพิ่งเปิดช็อปของตัวเองในกรุงเทพฯ​ ไปเมื่อนานมานี้

La Banchina

คาเฟ่ที่มีสระว่ายน้ำและซาวน่า ที่นี่คือจุดที่คนนิยมมาแก้ผ้ามากที่สุดในฤดูร้อน เพราะมีพื้นที่คล้ายสระว่ายน้ำที่เชื่อมไปยังแม่น้ำได้ แน่นอนว่าเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยนที่นักท่องเที่ยวชอบมา

Louisiana Museum of Modern Art

อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยรอบนอกของโคเปนเฮเกนเช่นกัน ที่นี่มีไฮไลต์อยู่ที่งานประติมากรรมในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะงานประติมากรรมของ Louise Bourgeois ในรูปของแมงมุม ซึ่งถ้าใครเคยไป Roppongi Hills น่าจะเคยเห็นงานของศิลปินคนนี้มาก่อน

Nyhavn

ท่าเรือที่เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของโคเปนเฮเกนที่เรียบรายด้วยบ้านหลากสี ด้วยความเป็นท่าเรือที่จึงมีทั้งบาร์ ร้านอาหาร และคาเฟ่

Superkilen

สวนสาธารณะที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูปทำทรงกัน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน The Red Square ,The Black Market และ The Green Park โดยเฉพาะโซนที่ 2 ที่เด่นด้วยเส้นสายของสีขาวสลับกับเนินสูงที่กลายเป็นมุมที่ Instagramable ที่สุดแห่งหนึ่งของโคเปนเฮเกน




Share !

Link Copied!

Ads