weekend-logo
Image

ย่อยประวัติศาสตร์ 4 ยุค ของ The House on Sathorn มาเล่าผ่านค็อกเทลเมนูใหม่

28 พฤษภาคม 2568

ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับ The House on Sathorn บ้านเก่าสไตล์นีโอคลาสสิกที่อยู่ข้างๆ โรงแรม W Bangkok กันดี และอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของบ้านหลังนี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งตอนนี้เรื่องราวเหล่านั้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ชุดใหม่ของ Bar Sathorn ที่ซ่อนตัวอยู่ชั้นแรกของบ้าน

บ้านหลังนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1889 หรือเมื่อ 136 ปีก่อน โดยเป็นบ้านของข้าราชการในสมัยรัชกาลที่ 5 อย่าง ‘หลวงสาทรราชายุตก์’ (ยม พิศลยบุตร) ก่อนจะเปลี่ยนเจ้าของเรื่อยมาจนกลายเป็นโรงแรมบูทีคและข้ามกาลเวลามาสู่การเป็นสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียแห่งแรกในไทย กระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมหรูย่านสาทรในปัจจุบัน

Marco Dongi ผู้จัดการ Bar Sathorn ได้นำเรื่องราวทั้ง 4 ยุคสมัยของบ้านมาตีความเป็นเครื่องดื่มซิกเนเจอร์โดยทวิสต์มาจากคลาสสิกค็อกเทลที่มีความโดดเด่นในแต่ละยุคเพื่อสะท้อนเสน่ห์ของการผสมผสานกันระหว่างความคลาสสิกและความร่วมสมัยเช่นเดียวกับตัวบ้าน


เมนูใหม่แบ่งเป็น 4 พาร์ตตามประวัติศาสตร์ของ The House on Sathorn ได้แก่ History of Sathorn (1888-1926) ยุคแรกของบ้านที่มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของถนนสาทร เพราะหลวงสาทรราชายุกต์คือผู้มีบทบาทสำคัญในการขุดคลองสาทร แก้วที่น่าสนใจคือ Klong (420 บาท) ค็อกเทลจินที่ทวิสต์มาจาก Tuxedo นอกจากจะมีกลิ่นสมุนไพรที่ชัดเจนแล้วยังเพิ่มมิติใหม่ๆ ด้วยวัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการหมักดอง

ยุคต่อมาเป็น Hotel Royal (1926-1948) ตั้งตามชื่อโรงแรมบูทีคที่มีสุภาพสตรีชาวอิตาลีเป็นเจ้าของ แก้วที่สะท้อนคาแร็กเตอร์ของยุคนี้ได้ชัดเจนที่สุดคือ Bangkok Brunch (450 บาท) ซึ่งเป็นการนำ Bloody Mary มาตีความใหม่โดยใช้เมสคัลและเตกีลาเป็นหลัก มีส่วนผสมที่น่าสนใจเป็น ‘ผัดกะเพรา’ ที่ทำจากเบคอน ใบกะเพรา พริก และพริกไทยดำ ตอนเสิร์ฟแก้วนี้จะใช้มะเขือเทศแช่แข็งลูกใหญ่พอดีแก้วแทนน้ำแข็ง ทำให้เป็นแก้วที่ขึ้นกล้องกว่าใคร


ตามด้วยยุค Embassy Row (1948-1999) ที่บ้านสาทรกลายเป็นสถานทูตรัสเซียแห่งแรกในไทย รวมถึงเป็นสถานทูตแห่งแรกบนถนนสาทร แก้วน่าลองที่เป็นตัวแทนของยุคนี้ Madame Siam (420 บาท) ทวิสต์มาจากค็อกเทลยอดนิยมอย่าง Margarita โดยชูความเผ็ดร้อนสไตล์ไทยด้วยพริกแกงเผ็ดและความเปรี้ยวกลมกล่อมของน้ำมะนาวเบลนด์

และ The Present (1999-Today) หรือยุคปัจจุบันที่เรารู้จัก The House on Sathorn ในฐานะแหล่งแฮงเอาต์ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม บรรยากาศ และความเป็นมาอันยาวนานที่อยู่คู่กับทุกยุคสมัยอย่างกลมกลืนซึ่งถ่ายทอดผ่านรสชาติของ Vinyl Smash (450 บาท) เวอร์ชันใหม่ของ Gin Basil Smash ที่ยังคงคาแร็กเตอร์สดชื่นไว้อยู่ แต่เพิ่มความซับซ้อนด้วยใบฝรั่ง ดอกจำปี และซากุระ

ยังมีเครื่องดื่มอีกหลายแก้วที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ The House on Sathorn ในแง่มุมที่ต่างกันซึ่งทำให้เป็นการดื่มที่สร้างบทสนทนาได้ตลอดทั้งคืนและยังได้ความรู้รอบตัวกลับบ้านด้วย

Bar Sathorn เปิดทุกวัน 14:30-01:00



Share !

Link Copied!

Ads